การเคารพสิทธิมนุษยชน

ความสำคัญ

(GRI 3-3a., GRI 3-3b.)

             ภาคธุรกิจเผชิญกับความคาดหวังด้านสิทธิมนุษยชนที่ทวีคูณขึ้น โดยเฉพาะจากการพัฒนาด้านกฎหมายและมาตรฐานต่าง ๆ รอบโลก เช่น กฎหมายห่วงโซ่อุปทานของสหภาพยุโรป (EU Corporate Sustainability Due Diligence Directive: CSDDD) ซึ่งกำหนดให้ธุรกิจที่มีการดำเนินการในสหภาพยุโรปตรวจสอบผลกระทบต่อสังคมและสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการพัฒนาภายในประเทศไทย ซึ่งได้ออกแผนปฏิบัติการด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนระยะที่ 2 ในช่วงกลางปี 2566

             OR ตระหนักดีว่ากิจกรรมของบริษัทและของผู้ค้าบริษัทอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของบุคคลหลายกลุ่ม เช่น สิทธิด้านแรงงานของพนักงาน สิทธิด้านมาตรฐานครองชีพของชุมชนในพื้นที่ดำเนินการ จนถึงสิทธิด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของผู้บริโภค เป็นต้น ในฐานะธุรกิจที่มีกิจกรรมครอบคลุมหลากหลายประเทศ และมีการทำธุรกิจกับลูกค้าในสหภาพยุโรป OR จึงจำเป็นต้องจัดการประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครบถ้วนเพื่อมั่นใจว่าองค์กรมีความพร้อมในการตอบสนองกฎหมายดังกล่าว และไม่สร้างผลกระทบทางลบต่อสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

             ทั้งนี้ OR ร่วมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมาย ข้อบังคับ และมาตรฐานสากล และคำนึงอยู่เสมอว่าพนักงานทุกคนจะต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียม โดยจะต้องมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นและมีช่องทางในการร้องเรียนหากได้รับการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง

เป้าหมายปี 2567

แนวทางการบริหารจัดการ

(GRI 3-3c., GRI 3-3d., GRI 3-3e., GRI 3-3f)

นโยบายสิทธิมนุษยชน

          OR มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมและให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยได้ประกาศนโยบายสิทธิมนุษยชนในปี 2565 ซึ่งยึดแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับตราสารสิทธิมนุษยชนสากลระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายท้องถิ่นของประเทศที่ OR เข้าไปดำเนินธุรกิจ รวมถึงมาตรฐานและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนระดับสากลอื่น ๆ เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (United Nations Universal Declaration of Human Rights: UNDHR) และอนุสัญญาหลักด้านสิทธิแรงงาน ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization Conventions: ILO Conventions) เป็นต้น อีกทั้งมีความมุ่งเน้นการความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยก โดยเคารพความแตกแต่งทางเพศ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา หรือสถานะอื่น ๆ รวมถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่พนักงานพึงได้รับ ต่อต้านการจ้างแรงงานเด็ก แรงงานผิดกฎหมาย กำหนดให้ขอบเขตนโยบายสิทธิมนุษยชนครอบคลุมการดำเนินงานทั้งหมดของ OR บริษัทในกลุ่ม OR  และพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partner) ได้แก่ ผู้รับเหมา คู่ค้า ผู้ส่งมอบสินค้าและบริการ รวมถึงบริษัทร่วมทุนที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ (Contractor, Supplier, Agents, and Service Providers as well as to its New Business Relation)

ศึกษานโยบายเพิ่มเติม: คลิก 

          OR สื่อสารนโยบายสิทธิมนุษยชนแก่พนักงานและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยผนวกนโยบายสิทธิมนุษยชนเข้าสู่การอบรมพนักงานและผู้ประกอบการสถานีบริการรายใหม่ สื่อความให้กับบริษัทในกลุ่ม OR ผ่าน OR Group Way of Conduct สื่อสารกับผู้ค้า และผู้รับเหมาผ่านแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้จัดทำ ‘คู่มือสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม OR’ เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติและมาตรฐานการดำเนินงานที่สนับสนุนนโยบายสิทธิมนุษยชนขององค์กรและบริษัทในกลุ่ม ได้แก่ บริษัท PTTRS, PTTRM, และ Thai Lube Blending 

          OR กำหนดให้ฝ่ายบริหารความยั่งยืน และคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนทั้งกระบวนการ ได้แก่ การทบทวนนโยบาย การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD) การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างน้อยทุก ๆ 3 ปี การรายงานผลการติดตามตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน การพัฒนาแนวทางแก้ไขสำหรับเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชน การจัดการอบรมด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงการสื่อสารให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้ความร่วมมือด้านการจัดการสิทธิมนุษยชน เพื่อให้การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้  

การปฏิบัติต่อแรงงาน

          ในฐานะนายจ้าง OR มีความรับผิดชอบเคารพสิทธิของพนักงานและแรงงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน OR ดำเนินการตามหลักการสิทธิแรงงานสากล รายละเอียดดังนี้  

เสรีภาพในการสมาคมและการร่วมเจรจาต่อรอง (Freedom of Association)(GRI 407-1)

          พนักงานและแรงงานทุกคนมีสิทธิในการรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งสมาคมหรือเจรจาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงานของพนักงานและแรงงาน OR มุ่งสนับสนุนให้พนักงานและแรงงานได้เข้าถึงสิทธิดังกล่าวโดยไม่กีดกันพนักงานที่เป็นสมาชิกสหภาพหรือการรวมกลุ่ม และจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการ (Welfare Committee) ที่มาจากการเลือกตั้งของพนักงานในแต่ละพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อเป็นตัวแทนพนักงานในการร่วมเจรจาต่อรองเกี่ยวกับข้อตกลงที่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน สำหรับแรงงานของผู้ค้า OR สื่อสารให้ผู้ค้าเคารพสิทธิในการรวมตัวของแรงงานของตน โดยระบุเรื่อง อิสรภาพในการรวมกลุ่ม เคารพในสิทธิตามกฎหมายของลูกจ้างในการเข้าร่วม หรือไม่เข้าร่วมสมาคม สหภาพ สหพันธ์ต่าง ๆ ไว้ใน แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า (PTTOR Suppliers Sustainable Code of Conduct) โดยสื่อสารให้ผู้ค้าทุกรายรับทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในปี 2567 OR และกลุ่มผู้ค้าของ OR ไม่มีประเด็นความเสี่ยงในเรื่องของเสรีภาพในการสมาคมและการร่วมเจรจาต่อรอง

แรงงานเด็ก (Child Labor) และแรงงานบังคับ (Forced Labor) (GRI 408-1, GRI 409-1)

          การใช้แรงงานเด็กและ/หรือแรงงานบังคับถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง OR จึงมีการดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อมั่นใจว่ากิจกรรมธุรกิจปราศจากการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยมีการระบุชัดเจนในนโยบายสิทธิมนุษยชนของ OR และแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืน ของผู้ค้า (PTTOR Suppliers Sustainable Code of Conduct) และจัดให้การจ้างแรงงานเด็ก และการใช้แรงงานบังคับเป็นประเด็นที่มีการติดตามตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ในปี 2567 OR และคู่ค้าของ OR ไม่มีประเด็นความเสี่ยงในเรื่องการใช้แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับ

          นอกจากนี้ประเด็นด้านแรงงาน ได้ถูกกำหนดเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่มีการกำหนดหลักการและแนวทางการพิจารณา การตั้งค่าตัวชี้วัด ตัวอย่างแนวทางการปฏิบัติ ไว้ในมาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน OR Group (OR Group Sustainability Management Standard) 

( อ่านเพิ่มเติมเรื่องมาตรฐานผู้ค้าในบท ‘Supply Chain Management’: คลิก)

( มาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน OR Group (OR Group Sustainability Management Standard)

การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) (GRI 406-1., GRI 411-1)

OR ให้ความสำคัญกับการบริการจัดการด้านสิทธิมนุษยชน จึงได้จัดทำการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due-diligence: HRDD) อย่างน้อยทุก ๆ 3 ปี ตามกรอบการรายงานมาตรฐาน โดยจัดทำครั้งล่าสุดเมื่อปี 2566 ครอบคลุมพื้นที่การดำเนินธุรกิจ 100% รวมถึงผู้รับเหมาและผู้ค้าทางตรง (Contractors and Tier I Suppliers) และการร่วมทุน (joint ventures) โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบกลุ่มผู้ถือสิทธิเข้ามาพิจารณากิจกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่า และประเมินระดับความความรุนแรงและโอกาสการเกิดของประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในกิจกรรมธุรกิจดังที่ระบุข้างต้น

กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษชนอย่างรอบด้าน

กระบวนการการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

OR ได้กำหนดให้มีการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านขององค์กร ประกอบด้วยกระบวนการ ดังนี้

  1. การประกาศนโยบายและหลักการของบริษัทที่ว่าด้วยการเคารพสิทธิมนุษยชน (Policy Commitment) :โดยครอบคลุมการดำเนินงานทั้งหมดของ OR (กิจกรรมทางธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และบริการ) บริษัทในกลุ่ม OR พันธมิตรทางธุรกิจ และบริษัทร่วมทุนที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ (บริษัทที่จัดตั้งด้วยการควบรวมกิจการ กิจการร่วมค้า)
  2. การประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงหรือมีแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น (Assess Actual and Potential Impacts) :เพื่อระบุและประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนทั้งที่เกิดขึ้นจริงหรือมีแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าในการผลิตผลิตภัณฑ์และการบริการ (Products and Services) ของ OR และบริษัทในกลุ่ม OR พันธมิตรทางธุรกิจ และบริษัทร่วมทุนที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ (บริษัทที่จัดตั้งด้วยการควบคุมกิจการ กิจการร่วมค้า) พร้อมทั้งระบุกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่อาจจะได้รับผลกระทบ
  3. การบูรณาการดำเนินการ (Integrate Findings and Take Appropriate Action) :บริษัทบูรณาการการดำเนินการ โดยกำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนในประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความสำคัญ เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินการบรรเทาและลดผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การติดตามและรายงานผลการดำเนินการ (Track and Communicate Performance) :หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชนจะทำการทบทวนและติดตามการปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางและมาตรการที่กำหนดไว้สามารถป้องกันหรือควบคุมประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือควรมีการปรับปรุงแก้ไข พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้กับผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ
  5. การเยียวยาผลกระทบ (Remediate Adverse Impacts) :OR ตระหนักถึงผลกระทบของการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากกิจกรรมทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าในการผลิตผลิตภัณฑ์และการบริการ (Products and Services) ของ OR รวมถึงบริษัทในกลุ่ม OR ที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสีย จึงได้กำหนดให้มีกระบวนการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยจัดให้มีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน กำหนดรูปแบบการเยียวยาทั้งรูปแบบตัวเงิน อาทิ การจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย และรูปแบบที่ไม่ใช่ตัวเงิน อาทิ จัดตั้งศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ผ่านช่องทางโทรศัพท์ หรือช่องทางเว็บไซต์ เพื่อรับฟังความคิดเห็น ให้คำปรึกษา แก้ไข และเยียวยาเบื้องต้นอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญทุกกลุ่มของ OR

ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน และผู้ทรงสิทธิที่เกี่ยวข้อง

          OR ทบทวนแนวโน้มของกระแสโลกในเรื่องสิทธิมนุษยชนผ่านแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น รายงานขององค์กร Human Rights Watch และ Business and Human Rights Resource Center รวมถึงพิจารณาร่วมกับประเด็นสิทธิมนุษยชนของบริษัทที่มีการประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ OR เพื่อระบุประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีนัยสำคัญ ผลมีดังนี้

เกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

        OR พิจารณาความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนจากความเสี่ยงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยพิจารณาจากการทบทวนแนวโน้มของกระแสโลกในเรื่องสิทธิมนุษยชน และบริษัทที่ประกอบธุรกิจลักษณะใกล้เคียงกับ OR และกำหนดเกณฑ์ในการประเมินโดยแบ่งเป็น ระดับของผลกระทบ และโอกาสที่จะเกิด โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ความหมายของความเสี่ยง

TH_Human Rights 2024_05
ระดับ 4 =สูงมาก
TH_Human Rights 2024_06
ระดับ 3 = สูง
TH_Human Rights 2024_07
ระดับ 2 = ปานกลาง
TH_Human Rights 2024_08
ระดับ 1 = ต่ำ

1) ความรุนแรงของความเสี่ยงหรือผลกระทบ (Severity) จะขึ้นอยู่กับระดับของ ผลกระทบ (Scale) จำนวนของผู้ได้รับผลกระทบ (Scope) และความสามารถในการเยียวยาผลกระทบ (Remediability)

  • ผลกระทบ(Scale) หมายถึง ความร้ายแรงของความเสี่ยงและผลกระทบ เช่น การละเมิดสิทธิในการใช้ชีวิตและผลกระทบต่อความปลอดภัยของพนักงาน ลูกค้าและคนในชุมชน​
  • จำนวนของผู้ได้รับผลกระทบ(Scope) หมายถึง จำนวนคนที่ได้รับผลกระทบจากประเด็นความเสี่ยง เช่น ผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนทั้งชุมชน หรือผลกระทบด้านสิทธิการรวมตัวเจรจาต่อรองเป็นสมาคมของพนักงานทุกคน เป็นต้น​
  • ความสามารถในการเยียวยาผลกระทบ(Remediability) หมายถึง ระดับความเป็นไปได้ หรือความยากในการฟื้นฟูบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนเกิดเหตุละเมิด เช่น กลุ่มพนักงานที่เป็นโรคซึมเศร้าเนื่องจากถูกละเมิดทางวาจาที่ไม่เหมาะสมจากการประเมินผลงานของหัวหน้า ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพทางจิตใจ อาจทำให้ต้องใช้เวลาในการเยียวยาทางจิตใจให้กลับคืนสู่สภาพปกติ มากกว่ากลุ่มพนักงานปกติ เป็นต้น

ทั้งนี้ระดับความรุนแรงจะสัมพันธ์กับความเสี่ยงหรือผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นโดยไม่พิจารณาค่าผลรวม (พิจารณาเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุด (Worst Case))

 

2) โอกาสเกิด (Likelihood) โอกาสการเกิดความเสี่ยงหรือผลกระทบ (Likelihood) จะขึ้นอยู่กับบริบท/สภาพแวดล้อมของความเสี่ยงหรือผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งระดับความเสี่ยงสำหรับบางประเด็นอาจสูงขึ้นในพื้นที่ปฏิบัติงาน โดยแบ่งออกเป็น ความถี่ที่เคยเกิดและ/หรือโอกาสที่จะเกิด และความน่าจะเป็น

ผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และมาตรการ

        จากการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due-Diligence) อย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ปฏิบัติการของ OR 100% รวมถึงผู้รับเหมาและผู้ค้าทางตรง (Contractors and Tier I Suppliers) และการร่วมทุน (joint ventures)  พบว่าในปี 2566 ถึง 2567 มีความเสี่ยงด้านประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูง (salient Issues) ทั้งหมด 3 ประเด็น ครอบคลุมพื้นที่ดำเนินการ (Own Operations) ร้อยละ 30 สำหรับผู้รับเหมาและผู้ค้าทางตรง (Contractors and Tier 1 Suppliers) ร้อยละ 0 และบริษัทร่วมทุน (Joint Ventures) ร้อยละ 37.5 ทั้งนี้ มีการวางมาตรการควบคุมความเสี่ยงในทุกพื้นที่ที่พบความเสี่ยง (% of risk with mitigation actions taken) โดยครอบคลุมจำนวน 262 พื้นที่  ดังนี้

ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูง
(Salient Human Rights Issue)

มาตรการควบคุมความเสี่ยงและลดผลกระทบ

(Process implemented to mitigate human rights risks)

ผู้ถือสิทธิ: ผู้ค้าและผู้รับเหมา
ประเด็นสิทธิมนุษยชน: อาชีวอนามัยและความปลอดภัย เช่น ความพร้อมของอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) อาการบาดเจ็บจากการทำงาน และอุบัติเหตุ เช่น ไฟฟ้าช็อต การทำงานในที่สูง เป็นต้น
กิจกรรมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง: การก่อสร้างสำหรับธุรกิจเครื่องดื่ม (พื้นที่ดำเนินการ 1 แห่ง)

  • ระบุความมุ่งมั่นด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในนโยบายสิทธิมนุษยชน ซึ่งครอบคลุมผู้ค้าและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการของ OR
  • กำหนดข้อบังคับและมาตรฐานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของผู้รับเหมาและผู้ค้า ในนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม (Quality, Security, Safety, Health, and Environment: QSHE Policy)
  • จัดทำแผนจัดการความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อควบคุมและจำกัดความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของผู้ค้าและผู้รับเหมา
  • กำหนดแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า (PTTOR Supplier Sustainable Code of Conduct)
  • จัดทำช่องทางการร้องเรียนที่ผู้ค้าและผู้รับเหมาสามารถเข้าถึงได้เพื่อแจ้งข้อกังวลหรือประเด็นด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดย OR จะทำการไต่สวนในกรณีที่เกิดเรื่องร้องเรียน
  • แต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยและคณะทำงานเพื่อสอบสวนอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์
  • จัดการอบรมด้านความปลอดภัยให้ผู้ค้าและผู้รับเหมา 

ผู้ถือสิทธิ: ผู้ค้าและผู้รับเหมา
ประเด็นสิทธิมนุษยชน: การเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด เช่น การจ้างที่ไม่เป็นธรรม การล่วงละเมิดผ่านทางวาจาหรือการกระทำ ซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างเพื่อนร่วมงาน หรือระหว่างพนักงานกับหัวหน้างาน และการข่มขู่หรือการใช้ความรุนแรง
กิจกรรมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง: ธุรกิจด้านอาหาร (พื้นที่ดำเนินการ 106 แห่ง)

  • ระบุความมุ่งมั่นด้านการไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิดทุกรูปแบบ (Zero Tolerance for Discrimination and Harassment) ในนโยบายสิทธิมนุษยชน ซึ่งครอบคลุมผู้ค้าและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการของ OR
  • กำหนดให้มีข้อกำหนดด้านการไม่เลือกปฏิบัติและการต่อต้านการล่วงละเมิดในจรรยาบรรณธุรกิจของ OR
  • เปิดช่องทางการร้องเรียนที่ผู้ค้าและผู้รับเหมาสามารถเข้าถึงได้ และแจ้งประเด็นหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติและล่วงละเมิด โดย OR จะดำเนินการสอบสวนเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียน
  • จัดการอบรมด้านแนวทางปฏิบัติด้านแรงงานให้แก่พนักงาน ผู้ค้า และผู้รับเหมา เพื่อส่งเสริมการทำงานที่ปราศจากการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด

ผู้ถือสิทธิ: ชุมชน
ประเด็นสิทธิมนุษยชน: มาตรฐานการครองชีพ โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านการรบกวนชุมชน เช่น กลิ่นจากน้ำมันหรือก๊าซ มลภาวะทางเสียง มลพิษ และจราจร
กิจกรรมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง: PTT Station (พื้นที่ดำเนินการ 155 แห่ง)

  • กำหนดนโยบายและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ซึ่งระบุถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนมาตรฐานการครองชีพของชุมชน
  • ระบุความมุ่งมั่นด้านสิทธิชุมชนในนโยบายสิทธิมนุษยชน
  • กำหนดข้อบังคับและมาตรฐานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมในนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม (Quality, Security, Safety, Health, and Environment: QSHE Policy)
  • จัดโครงการ OR CSR Action Program เพื่อสนับสนุนมาตรฐานการครองชีพของชุมชน
  • เปิดช่องทางการร้องเรียนที่ชุมชนสามารถเข้าถึงได้ และแจ้งประเด็นหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบต่อมาตรฐานการครองชีพ โดย OR จะดำเนินการสอบสวนเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียน
  • ประเมินความพึงพอใจของชุมชน และจัดการประชุมในพื้นที่เพื่อหารือกับชุมชนและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อแก้ไขปัญหา (หากมี)
  • ส่งเสริมรูปแบบการทำธุรกิจที่มีส่วนร่วมกับสังคมและชุมชน

          นอกจากนี้ ภายใต้กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน OR ได้รวมการประเมินโอกาสและความเสี่ยงของการเริ่มหรือพัฒนาธุรกิจใหม่ (New Business Relations) ที่ครอบคุลมกิจการร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อป้องกันไม่ให้ภารกิจของบริษัทก่อผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนต่อผู้ทรงสิทธิหรือกลุ่มเปราะบางกลุ่มใด 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรายงานสิทธิมนุษยชนประจำปี 2566 link: คลิก 

ช่องทางการติดต่อสื่อสารและรับเรื่องร้องเรียน (Complaint Channel)

          ช่องทางการสื่อสารและรับเรื่องร้องเรียนเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ OR ตระหนักถึงความเสี่ยงด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดจนเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นหรือเคยเกิดขึ้น และเป็นองค์ประกอบสำคัญในการยืนยันผลของการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ในกรณีที่การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเผยประเด็นความเสี่ยงไม่ครบถ้วน ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนอาจเป็นแนวทางให้ผู้ถือสิทธิได้ส่งเรื่องร้องเรียนและชี้ให้ OR ได้เห็นถึงประเด็นที่อาจถูกละเลย OR จึงกำหนดช่องทางการสื่อสารและรับเรื่องร้องเรียน ในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ประกอบด้วย 

          พนักงานหรือผู้ทรงสิทธิภายใน สามารถส่งข้อร้องเรียนได้โดยตรงผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

  • ฝ่ายบริหารศักยภาพผู้บริหารและบุคลากร (Leadership and Talent Management Department) – ดูแลการปฏิบัติ ความสอดคล้องกับระเบียบ และการสืบสวนข้อร้องเรียน ที่ได้รับผ่านการส่งเรื่องถึงหัวหน้างานหรือการยื่นจดหมายร้องเรียนให้กับแผนก 
  • คณะกรรมการสวัสดิการ (Welfare Committee) ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล (Human Resources Service Department) – รับข้อเสนอแนะสำหรับการพัฒนาสวัสดิการของพนักงาน 
  • ฝ่ายธรรมาภิบาลองค์กร (Corporate Governance Department) – รับเรื่องร้องเรียนและดำเนินการสอบสวนการทุจริตคอร์รัปชั่นในองค์กร และการกำกับดูแลที่ดี Receive complaints and investigate Corruption in the organization and good governance. 

ลูกค้า OR หรือกลุ่มผู้ทรงสิทธิภายนอก 

          สามารถส่งข้อร้องเรียนและรายงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนผ่าน ผ่านช่องทางโทรศัพท์ OR Contact Center ติดต่อ 1365 (เวลา 06.00 – 22.00 น.) ช่องทาง Social Media ทั้งการเปิดเผยสู่สาธารณะและการไม่เปิดเผยตัวตน และช่องทางเว็บไซต์ : https://www.pttor.com/th/contact_center

              OR ได้ดำเนินการตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท โดย OR ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรับฟังทุกข้อร้องเรียนอย่างเสมอภาค โปร่งใส และเอาใจใส่ รวมทั้งให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย กำหนดระยะเวลาสอบสวนข้อร้องเรียน และสื่อสารแนวทางการปรับปรุงแก้ไขต่อผู้ร้องเรียนอย่างเหมาะสม

              นอกจากนี้ OR ให้ความสำคัญกับการบูรณาการความคิดเห็นของลูกค้าหรือผู้ทรงสิทธิเข้าสู่การดำเนินการตามกลไกการรับเรื่องร้องเรียน โดยจะมีการสำรวจความพึงพอใจหลังจากลูกค้าหรือผู้ทรงสิทธิได้รับการแก้ไขข้อร้องเรียนนั้น ๆ เพื่อนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงกระบวนการเรื่องร้องเรียนหรือพัฒนาการบริการต่อไป

              โดย OR ได้ประกาศข้อกำหนดบริษัทว่าด้วย การร้องเรียน การแจ้งเบาะแสการทุจริต และการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบองค์กร เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการร้องเรียน (Whistleblowing) ที่ชัดเจน โปร่งใส ยุติธรรม สามารถตรวจสอบได้และรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย สอดคล้องตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและปรัชญาการดำเนินธุรกิจของ OR โดยกำหนดระยะเวลาสอบสวนอย่างเหมาะสม ซึ่งชื่อของผู้ร้องเรียนจะถูกปิดเป็นความลับ ผู้ร้องเรียนจะได้รับความคุ้มครอง ไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง ทั้งในระหว่างการสอบสวน และภายหลังการสอบสวน โดยฝ่ายธรรมาภิบาลองค์กรของ OR จะดำเนินการติดตามความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนเรื่องทุจริต การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบองค์กร และรายงานต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และรายงานต่อคณะกรรมการตรวจสอบ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

              สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องประกาศข้อกำหนดบริษัทว่าด้วย การร้องเรียน การแจ้งเบาะแสการทุจริต และการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบองค์กร ทั้งพนักงาน และบุคคลภายนอก OR สามารถอ่านเพิ่มเติมผ่านทางเว็บไซต์ได้จาก https://www.pttor.com/wp-content/uploads/2024/10/20240125_132040_1261.pdf

การลงทุนของ OR ในเมียนมา: ความมุ่งมั่นต่อสิทธิมนุษยชนและการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ

                   OR ได้เข้าร่วมทุนกับบริษัท Brighter Energy Company Limited (BE) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจค้าส่งและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ในปี 2562 ซึ่งการดำเนินธุรกิจเกิดขึ้นนับตั้งแต่เมียนมายังคงอยู่ในสถานการณ์ปกติ โดยการลงทุนดังกล่าวมุ่งส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมียนมา ต่อมาในปี 2564 ได้เกิดเหตุการณ์   ความรุนแรงและความไม่สงบในเมียนมารวมทั้งมีการคว่ำบาตร (Sanctions) เมียนมาจากหลายประเทศ OR ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาภายหลังการรัฐประหารปี 2564 โดยได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  เพื่อปรับปรุงกระบวนการในการตัดสินใจและการบริหารจัดการการลงทุน

                   ด้วย OR ดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชนสากลจึงได้แสดงเจตนารมณ์ในฐานะผู้ถือหุ้นให้ BE ระงับ การก่อสร้างคลัง นอกจากนี้ OR ยังได้ระงับการเพิ่มทุนเพิ่มเติมในโครงการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 เพื่อหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมหรือการสนับสนุนกิจกรรมที่อาจส่งผลให้เกิดความรุนแรงหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่เนื่องด้วย OR เป็นผู้ถือหุ้นข้างน้อยที่ถือหุ้นเพียง 35%  ไม่มีอำนาจควบคุมการตัดสินใจของ BE เนื่องจากผู้ถือหุ้นข้างมากตัดสินใจที่จะดำเนินโครงการต่อไปจนเสร็จสิ้นโครงการตามที่วางแผนไว้ อย่างไรก็ตาม OR ยังคงยึดถือและดำเนินตามแนวทางและนโยบายอย่างเคร่งครัด ที่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการดำเนินงานของ BE ในเมียนมา

                   ทั้งนี้ OR ได้กำหนดแนวทางการจัดการความเสี่ยงเชิงป้องกันในด้านที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การเพิ่มกลไกในการตรวจสอบบริษัทที่จะเข้าร่วมลงทุนผ่านการประเมินความยั่งยืน (ESG) ในการลงทุน ซึ่งครอบคลุมถึงการพิจารณาด้านสิทธิมนุษยชน   การกำกับดูแลบริษัทในกลุ่ม OR ครอบคลุมไปถึงบริษัทร่วมทุน ตามแนวทางบริหารจัดการแบบกลุ่ม OR (OR Group Way of Conduct (WoC)) การกำกับดูแลผู้ค้าผ่านแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า OR (OR Suppliers Sustainable Code of Conduct (OR SSCoC)) รวมไปถึง OR ยังมีช่องทางรับข้อร้องเรียนที่ผู้มีส่วนได้เสียสามารถเข้าถึงได้

                   นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเน้นย้ำเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย และความรับผิดชอบต่อสังคม มีธรรมาภิบาลและการเติบโตอย่างยั่งยืน OR ได้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้

      1. ทบทวนนโยบาย การกำกับดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ (Compliance Policy) ให้ครอบคลุมมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าและเศรษฐกิจ
      2. ปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติตามนโยบาย การกำกับดูแลการปฏิบัติงานใหเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ (Compliance Framework) ในการเคารพหลักการของมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าและเศรษฐกิจ รวมถึงกำหนดให้บุคคลที่สามที่ดำเนินการในนาม OR ปฏิบัติตามด้วย
      3. ประกาศใช้คู่มือการตรวจสอบบุคคลที่สาม เรื่อง มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าและเศรษฐกิจ โดยจัดให้มีกระบวนการคัดกรองและตรวจสอบสถานะบุคคลที่สามก่อนเข้าทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ผ่านเครื่องมือ World Check Screening และแบบสอบถาม Due Diligence

                   ในการนี้ OR ขอยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงการเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน ในห่วงโซ่อุปทานของ OR และการสนับสนุน ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียต่อไป

                   เพื่อศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงเจตนารมณ์ในการไม่สนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชนของ OR ในการดำเนินธุรกิจ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้น ผ่าน เอกสารชี้แจงข่าวเกี่ยวกับการลงทุนในเมียนมา แก่กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2565 (คลิกเพื่อศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม)  และ คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาส 2/2566 (คลิกเพื่อศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม)

ผลการดำเนินงาน

ข้อร้องเรียนประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนปี 2567

          ในปี 2567 OR ได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านช่องทางการร้องเรียนทุกช่องทางพบว่าไม่มีเหตุการณ์ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

การสร้างความตระหนักรู้ด้านสิทธิมนุษยชนให้กับพนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของ OR

1) การสร้างความตระหนักรู้และเผยแพร่ข่าวสารด้านสิทธิมนุษยชนให้กับพนักงานผ่านสื่อประชาสัมพันธ์

              เพื่อสร้างองค์กรความด้านสิทธิมนุษยชน กระตุ้นให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชน การป้องกัน และลดความเสี่ยง รวมถึงทราบถึงความเปลี่ยนแปลงหรือกระแสด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศรวมถึงระดับสากล OR จึงได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้แก่พนักงานผ่านช่องทางอีเมล นอกจากนั้นยังให้ความรู้แก่พนักงานในพื้นที่ปฏิบัติการ (Operation) ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับติดบอร์ดประชาสัมพันธ์ อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนั้นเพื่อทราบผลจากการนำเสนอสื่อประชาสัมพันธ์ จึงมีการจัดกิจกรรมตอบคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจ และสร้างการมีส่วนร่วมโดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้เสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขรูปแบบของสื่อประชาสัมพันธ์ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของพนักงานมากยิ่งขึ้น

              สำหรับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก OR ได้มีการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้แก่บุคคลทั่วไปผ่าน OR Academy Facebook และจัดกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมระหว่าง OR กับผู้ค้า ผู้รับเหมา รวมถึงสังคมชุมชนผ่านกิจกรรมการให้ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน เป็นส่วนหนึ่งภายในการจัดงานวันความปลอดภัย OR Safety Day 2024 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567

สื่อประชาสัมพันธ์การให้ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจด้วยความเคารพสิทธิมนุษยชน

2) การอบรมเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน

การอบรมและสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน (Human Rights Training and Informing)

           ในปี 2567 OR ดำเนินการอบรมและสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเพื่อส่งเสริมความเข้าใจและพัฒนาศักยภาพของพนักงานในการปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชนขององค์กร โดยจัดทำและเผยแพร่หลักสูตรฝึกอบรม เรื่อง Human Rights for OR Business ในรูปแบบหลักสูตรออนไลน์ (e-learning) ครอบคลุมเนื้อหาด้านหลักการพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนในภาคธุรกิจ นโยบายสิทธิมนุษยชนของ OR ประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจ กรณีศึกษาด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจที่น่าสนใจด้านสิทธิมนุษยชน และกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน สำหรับพนักงาน OR และบุคคลภายนอก OR รวมถึงแนวปฏิบัติขององค์กรในการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในปี 2567 มีพนักงานที่ผ่านการอบรม ร้อยละ 90.13 ของพนักงานทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรมให้ความรู้พื้นฐาน และหลักการด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจแก่บริษัทในกลุ่ม OR ในประเทศอีกด้วย

การอบรมด้านการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด

           เนื่องจากการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิดเป็นหนึ่งในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูง OR ได้พัฒนาหลักสูตรการอบรมออนไลน์ (e-learning) ด้านการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด (Discrimination and Harassment) และกำหนดให้พนักงานต้องเข้าการอบรมดังกล่าว โดยวัตถุประสงค์ของหลักสูตรดังกล่าวต้องการให้ผู้เข้ารับการอบรมเกิดความรู้ ความเข้าใจถึงหลักความเสมอภาค การเลือกปฏิบัติ การล่วงละเมิดหรือการคุกคาม การข่มเหงรังแกในที่ทำงานและกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมาตรการในการป้องกันและแนวทางการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติและล่วงละเมิดหรือคุกคามในการทำงาน ทั้งนี้ มีพนักงานเข้าร่วมและผ่านการอบรม ร้อยละ 85.47 ของพนักงานทั้งหมด

การอบรมด้านการเคารพสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องรักษาความปลอดภัย (GRI 410-1) 

          ด้านผู้รับเหมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสถานประกอบการของ OR ต้องผ่านการสื่อสารด้านนโยบายสิทธิมนุษยชนของ OR และกำหนดให้ระบุในสัญญาจ้างว่าได้รับการอบรมด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับทราบนโยบายสิทธิมนุษยชนของ OR ครบ 100% ครอบคลุมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่จ้างโดยผู้รับเหมา นอกจากนี้ OR มีการสื่อสารข้อกำหนดด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่ผู้ค้าของ OR และมีการลงนามรับทราบใน แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า (PTTOR Suppliers Sustainable Code of Conduct) 

3) รางวัลทางด้านสิทธิมนุษยชน

              OR เข้าร่วมการประกวดองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2567 ซึ่งจัดโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นปีแรกในกลุ่มรัฐวิสาหกิจ ได้รับผลการพิจารณาในระดับ “ดีเด่น” และเข้าร่วมการเสวนา เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการดำเนินธุรกิจที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชน ในหัวข้อ “การนำเสนอต้นแบบที่ดี (Best Practice) จากผู้ที่ได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2567”  ตอกย้ำการเป็นองค์ที่ดำเนินธุรกิจอย่างเคารพสิทธิมนุษยชน มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และส่งเสริมการสร้างรายได้รวมถึงการสร้างโอกาสทางสังคมให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของ OR อย่างเป็นรูปธรรม

เอกสารที่เกี่ยวข้อง