การเคารพสิทธิมนุษยชน
ความสำคัญ (Important)(GRI 3-3a., GRI 3-3b.)
ในปี 2566 ภาคธุรกิจเผชิญกับความคาดหวังด้านสิทธิมนุษยชนที่ทวีคูณขึ้น โดยเฉพาะจากการพัฒนาด้านกฎหมายและมาตรฐานต่าง ๆ รอบโลก เช่น กฎหมายห่วงโซ่อุปทานของสหภาพยุโรป (EU Corporate Sustainability Due Diligence Directive: CSDDD)1 ซึ่งกำหนดให้ธุรกิจที่มีการดำเนินการในสหภาพยุโรปตรวจสอบผลกระทบต่อสังคมและสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการพัฒนาภายในประเทศไทย ซึ่งได้ออกแผนปฏิบัติการด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 ในช่วงกลางปี 2566
OR ตระหนักดีว่ากิจกรรมของบริษัทและของผู้ค้าบริษัทอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของบุคคลหลายกลุ่ม เช่น สิทธิด้านแรงงานของพนักงาน สิทธิด้านมาตรฐานครองชีพของชุมชนในพื้นที่ดำเนินการ จนถึงสิทธิด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของผู้บริโภค เป็นต้น ในฐานะธุรกิจที่มีกิจกรรมครอบคลุมหลากหลายประเทศ และมีการทำธุรกิจกับลูกค้าในสหภาพยุโรป OR จึงจำเป็นต้องจัดการประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครบถ้วนเพื่อมั่นใจว่าองค์กรมีความพร้อมในการตอบสนองกฎหมายดังกล่าว และไม่สร้างผลกระทบทางลบต่อสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ทั้งนี้ OR ร่วมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมาย ข้อบังคับ และมาตรฐานสากล และคำนึงอยู่เสมอว่าพนักงานทุกคนจะต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียม โดยจะต้องมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นและมีช่องทางในการร้องเรียนหากได้รับการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง
เป้าหมายปี 2566 (Infographic) (GRI 3-3e.)
แนวทางการบริหารจัดการ (Management Approach) (GRI 3-3c., GRI 3-3d., GRI 3-3e., GRI 3-3f)
นโยบายสิทธิมนุษยชน
OR มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมและให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยได้ประกาศนโยบายสิทธิมนุษยชน เมื่อปี 2565 ซึ่งยึดแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับตราสารสิทธิมนุษยชนสากลระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายท้องถิ่นของประเทศที่ OR เข้าไปดำเนินธุรกิจ รวมถึงมาตรฐานและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนระดับสากลอื่น ๆ เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (United Nations Universal Declaration of Human Rights: UNDHR) และอนุสัญญาหลักด้านสิทธิแรงงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization Conventions: ILO Conventions) เป็นต้น โดยมุ่งเน้นความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยก เพศ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา หรือสถานะอื่น ๆ และสิทธิขั้นพื้นฐานนี่ที่พนักงานพึงได้รับ ต่อต้านการจ้างแรงงานเด็ก แรงงานผิดกฎหมาย กำหนดให้ขอบเขตนโยบายสิทธิมนุษยชนครอบคลุมการดำเนินงานทั้งหมดของ OR บริษัทในกลุ่ม OR และพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partner) ได้แก่ ผู้รับเหมา คู่ค้า ผู้ส่งมอบสินค้าและบริการ รวมถึงบริษัทร่วมทุนที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ (Contractor, Supplier, Agents, and Service Providers as well as to its New Business Relation)
ศึกษานโยบายเพิ่มเติม: https://orapiweb.pttor.com/uploads/documents/20210428_230112_6385.pdf
OR สื่อสารนโยบายสิทธิมนุษยชนแก่พนักงานและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยผนวกนโยบายสิทธิมนุษยชนเข้าสู่การอบรมพนักงานและผู้ประกอบการสถานีบริการรายใหม่ สื่อความให้กับบริษัทในกลุ่ม OR ผ่าน OR Group Way of Conduct สื่อสารกับผู้ค้า และผู้รับเหมาผ่านแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้จัดทำ ‘คู่มือสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม OR’ เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติและมาตรฐานการดำเนินงานที่สนับสนุนนโยบายสิทธิมนุษยชนขององค์กรและบริษัทในกลุ่ม ได้แก่ บริษัท PTTRS, PTTRM, และ Thai Lube Blending
OR กำหนดให้ฝ่ายบริหารความยั่งยืน และคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนทั้งกระบวนการ ได้แก่ การทบทวนนโยบาย การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD) การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างน้อยทุก ๆ 3 ปี การรายงานผลการติดตามตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน การพัฒนาแนวทางแก้ไขสำหรับเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชน การจัดการอบรมด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงการสื่อสารให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้ความร่วมมือด้านการจัดการสิทธิมนุษยชน เพื่อให้การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
การปฏิบัติต่อแรงงาน
ในฐานะนายจ้าง OR มีความรับผิดชอบเคารพสิทธิของพนักงานและแรงงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน OR ดำเนินการตามหลักการสิทธิแรงงานสากล รายละเอียดดังนี้
เสรีภาพในการสมาคมและการร่วมเจรจาต่อรอง (Freedom of Association)(GRI 407-1)
พนักงานและแรงงานทุกคนมีสิทธิในการรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งสมาคมหรือเจรจาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงานของพนักงานและแรงงาน OR มุ่งสนับสนุนให้พนักงานและแรงงานได้เข้าถึงสิทธิดังกล่าวโดยไม่กีดกันพนักงานที่เป็นสมาชิกสหภาพหรือการรวมกลุ่ม และจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการ (Welfare Committee) ที่มาจากการเลือกตั้งของพนักงานในแต่ละพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อเป็นตัวแทนพนักงานในการร่วมเจรจาต่อรองเกี่ยวกับข้อตกลงที่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน สำหรับแรงงานของผู้ค้า OR สื่อสารให้ผู้ค้าเคารพสิทธิในการรวมตัวของแรงงานของตน โดยระบุเรื่อง อิสรภาพในการรวมกลุ่ม เคารพในสิทธิตามกฎหมายของลูกจ้างในการเข้าร่วม หรือไม่เข้าร่วมสมาคม สหภาพ สหพันธ์ต่าง ๆ ไว้ใน แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า (PTTOR Suppliers Sustainable Code of Conduct) โดยสื่อสารให้ผู้ค้าทุกรายรับทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในปี 2566 OR และกลุ่มผู้ค้าของ OR ไม่มีประเด็นความเสี่ยงในเรื่องของเสรีภาพในการสมาคมและการร่วมเจรจาต่อรอง
แรงงานเด็ก (Child Labor) และแรงงานบังคับ (Forced Labor) (GRI 408-1, GRI 409-1)
การใช้แรงงานเด็กและ/หรือแรงงานบังคับถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง OR จึงมีการดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อมั่นใจว่ากิจกรรมธุรกิจปราศจากการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยมีการระบุชัดเจนในนโยบายสิทธิมนุษยชนของ OR และแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืน ของผู้ค้า (PTTOR Suppliers Sustainable Code of Conduct) และจัดให้การจ้างแรงงานเด็ก และการใช้แรงงานบังคับเป็นประเด็นที่มีการติดตามตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ในปี 2566 OR และคู่ค้าของ OR ไม่มีประเด็นความเสี่ยงในเรื่องการใช้แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับ
นอกจากนี้ประเด็นด้านแรงงาน ได้ถูกกำหนดเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่มีการกำหนดหลักการและแนวทางการพิจารณา การตั้งค่าตัวชี้วัด ตัวอย่างแนวทางการปฏิบัติ ไว้ในมาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน OR Group (OR Group Sustainability Management Standard)
( อ่านเพิ่มเติมเรื่องมาตรฐานผู้ค้าในบท ‘Supply Chain Management’: https://www.pttor.com/th/sustainability/sustainability_page/Supply-Chain-Management)
( มาตรฐานการบริหารจัดการความยั่งยืน OR Group (OR Group Sustainability Management Standard)
การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) (GRI 406-1., GRI 411-1)
กระบวนการการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
OR ได้กำหนดให้มีการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านขององค์กร ประกอบด้วยกระบวนการ ดังนี้
1. การประกาศนโยบายและหลักการของบริษัทที่ว่าด้วยการเคารพสิทธิมนุษยชน(Policy Commitment) :โดยครอบคลุมการดำเนินงานทั้งหมดของ OR (กิจกรรมทางธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และบริการ) บริษัทในกลุ่ม OR พันธมิตรทางธุรกิจ และบริษัทร่วมทุนที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ (บริษัทที่จัดตั้งด้วยการควบรวมกิจการ กิจการร่วมค้า)
2. การประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงหรือมีแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น (Assess Actual and Potential Impacts) :เพื่อระบุและประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนทั้งที่เกิดขึ้นจริงหรือมีแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าในการผลิตผลิตภัณฑ์และการบริการ (Products and Services) ของ OR และบริษัทในกลุ่ม OR พันธมิตรทางธุรกิจ และบริษัทร่วมทุนที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ (บริษัทที่จัดตั้งด้วยการควบคุมกิจการ กิจการร่วมค้า) พร้อมทั้งระบุกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่อาจจะได้รับผลกระทบ
3. การบูรณาการดำเนินการ (Integrate Findings and Take Appropriate Action) :บริษัทบูรณาการการดำเนินการ โดยกำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนในประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความสำคัญ เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินการบรรเทาและลดผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การติดตามและรายงานผลการดำเนินการ (Track and Communicate Performance) :หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชนจะทำการทบทวนและติดตามการปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางและมาตรการที่กำหนดไว้สามารถป้องกันหรือควบคุมประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือควรมีการปรับปรุงแก้ไข พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้กับผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ
5. การเยียวยาผลกระทบ (Remediate Adverse Impacts) :OR ตระหนักถึงผลกระทบของการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากกิจกรรมทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าในการผลิตผลิตภัณฑ์และการบริการ (Products and Services) ของ OR รวมถึงบริษัทในกลุ่ม OR ที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสีย จึงได้กำหนดให้มีกระบวนการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยจัดให้มีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน กำหนดรูปแบบการเยียวยาทั้งรูปแบบตัวเงิน อาทิ การจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย และรูปแบบที่ไม่ใช่ตัวเงิน อาทิ จัดตั้งศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ผ่านช่องทางโทรศัพท์ หรือช่องทางเว็บไซต์ เพื่อรับฟังความคิดเห็น ให้คำปรึกษา แก้ไข และเยียวยาเบื้องต้นอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญทุกกลุ่มของ OR
ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน และผู้ทรงสิทธิที่เกี่ยวข้อง
OR ทบทวนแนวโน้มของกระแสโลกในเรื่องสิทธิมนุษยชนผ่านแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น รายงานขององค์กร Human Rights Watch และ Business and Human Rights Resource Center รวมถึงพิจารณาร่วมกับประเด็นสิทธิมนุษยชนของบริษัทที่มีการประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ OR เพื่อระบุประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีนัยสำคัญ ผลมีดังนี้
ผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และมาตรการ
สำหรับปี 2566 OR ได้จัดทำการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุม 100% ของพื้นที่ดำเนินการ ผู้รับเหมาและผู้ค้าทางตรง (Contractors and Tier I Suppliers) และการร่วมทุน (joint ventures) โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบกลุ่มผู้ถือสิทธิเข้ามาพิจารณากิจกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่า และประเมินระดับความความรุนแรงและโอกาสการเกิดของประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่ระบุข้างต้นในกิจกรรมธุรกิจ
จากการประเมินนี้ พบว่าในปี 2566 มีความเสี่ยงด้านประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูง (salient issues) ทั้งหมดสามประเด็น ครอบคลุมพื้นที่ดำเนินการ (Own Operations) ร้อยละ 30 สำหรับผู้รับเหมาและผู้ค้าทางตรง (Contractors and Tier 1 Suppliers) ร้อยละ 0 และบริษัทร่วมทุน (Joint Ventures) ร้อยละ 37.5 ทั้งนี้ มีการวางมาตรการควบคุมความเสี่ยงในทุกพื้นที่ที่พบความเสี่ยง (% of risk with mitigation actions taken) (262 พื้นที่ )
ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูง (Salient Human Rights Issue) | มาตรการควบคุมความเสี่ยงและลดผลกระทบ (Process implemented to mitigate human rights risks) |
ผู้ถือสิทธิ: ผู้ค้าและผู้รับเหมา | -ระบุความมุ่งมั่นด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในนโยบายสิทธิมนุษยชน ซึ่งครอบคลุมผู้ค้าและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการของ OR |
ผู้ถือสิทธิ: ผู้ค้าและผู้รับเหมา | -ระบุความมุ่งมั่นด้านการไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิดทุกรูปแบบ (Zero Tolerance for Discrimination and Harassment) ในนโยบายสิทธิมนุษยชน ซึ่งครอบคลุมผู้ค้าและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการของ OR |
ผู้ถือสิทธิ: ชุมชน | -กำหนดนโยบายและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ซึ่งระบุถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนมาตรฐานการครองชีพของชุมชน |
นอกจากนี้ ภายใต้กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน OR ได้รวมการประเมินโอกาสและความเสี่ยงของการเริ่มหรือพัฒนาธุรกิจใหม่ (New Business Relations) ที่ครอบคุลมกิจการร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อป้องกันไม่ให้ภารกิจของบริษัทก่อผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนต่อผู้ทรงสิทธิหรือกลุ่มเปราะบางกลุ่มใด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรายงานสิทธิมนุษยชนประจำปี 2566 link: https://orapiweb.pttor.com/uploads/documents/20230713_002714_1379.pdf
ช่องทางการติดต่อสื่อสารและรับเรื่องร้องเรียน (Complaint Channel)
ช่องทางการสื่อสารและรับเรื่องร้องเรียนเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ OR ตระหนักถึงความเสี่ยงด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดจนเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นหรือเคยเกิดขึ้น และเป็นองค์ประกอบสำคัญในการยืนยันผลของการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ในกรณีที่การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเผยประเด็นความเสี่ยงไม่ครบถ้วน ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนอาจเป็นแนวทางให้ผู้ถือสิทธิได้ส่งเรื่องร้องเรียนและชี้ให้ OR ได้เห็นถึงประเด็นที่อาจถูกละเลย OR จึงกำหนดช่องทางการสื่อสารและรับเรื่องร้องเรียน ในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ประกอบด้วย
พนักงานหรือผู้ทรงสิทธิภายใน สามารถส่งข้อร้องเรียนได้โดยตรงผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
- ฝ่าย Leadership and Talent Management Department – ดูแลการปฏิบัติ ความสอดคล้องกับระเบียบ และการสืบสวนข้อร้องเรียน ที่ได้รับผ่านการส่งเรื่องถึงหัวหน้างานหรือการยื่นจดหมายร้องเรียนให้กับแผนก
- คณะกรรมการสวัสดิการ (Welfare Committee) ฝ่าย Human Resources Service Department – รับข้อเสนอแนะสำหรับการพัฒนาสวัสดิการของพนักงาน
- ฝ่ายธรรมาภิบาลองค์กร (Corporate Governance Department) – รับเรื่องร้องเรียนและดำเนินการสอบสวนการทุจริตคอร์รัปชั่นในองค์กร และการกำกับดูแลที่ดี Receive complaints and investigate Corruption in the organization and good governance.
ลูกค้า OR หรือกลุ่มผู้ทรงสิทธิภายนอก
สามารถส่งข้อร้องเรียนและรายงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนผ่าน ผ่านช่องทางโทรศัพท์ OR Contact Center ติดต่อ 1365 (ตลอด 24 ชั่วโมง) ช่องทาง Social Media ทั้งการเปิดเผยสู่สาธารณะและการไม่เปิดเผยตัวตน และช่องทางเว็บไซต์ : https://www.pttor.com/th/contact_center
เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ร้องเรียน OR จะถือเรื่องร้องเรียนเป็นความลับและปกปิดชื่อผู้ร้องเรียน ผู้ร้องเรียนจะต้องได้รับการคุ้มครองจากการเอาคืน หรือความไม่ชอบธรรมที่เกิดจากการร้องเรียน
นอกจากนี้ OR ให้ความสำคัญกับการบูรณาการความคิดเห็นของผู้ทรงสิทธิเข้าสู่การดำเนินการกลไกรับเรื่องร้องเรียน เพื่อมั่นใจว่าระบบรับเรื่องร้องเรียนของ OR จะมีการบริหารจัดการกับข้อร้องเรียนและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ซึ่งรวมถึงการกำหนดคำถามเกี่ยวกับความเข้าใจและความไว้ใจในช่องทางร้องเรียนในแบบสอบถามสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประจำปี เช่น แบบสอบถามชุมชน เป็นต้น
ผลดำเนินงาน (Performance)
การอบรมเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
การอบรมด้านการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด
เนื่องจากการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิดเป็นหนึ่งในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูง OR ได้พัฒนาหลักสูตรออนไลน์ (e-learning) การอบรมด้านการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด (Discrimination and Harassment) และกำหนดให้พนักงานต้องเข้าการอบรมดังกล่าว
หลักสูตรการอบรมที่จะทำให้ผู้เข้ารับการอบรมเกิดความรู้ ความเข้าใจถึงหลักความเสมอภาค การเลือกปฏิบัติ การล่วงละเมิดหรือการคุกคาม การข่มเหงรังแกในการทำงานและกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมาตรการในการป้องกันและแนวทางการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติและล่วงละเมิดหรือคุกคามในการทำงาน
ทั้งนี้ มีพนักงานเข้าร่วมและผ่านการอบรมทั้งหมด 1,565 คน หรือร้อยละ 82.41 ของพนักงานทั้งหมด
การอบรมด้านการเคารพสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องรักษาความปลอดภัย (GRI 410-1)
ด้านผู้รับเหมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสถานประกอบการของ OR ต้องผ่านการสื่อสารด้านนโยบายสิทธิมนุษยชนของ OR และกำหนดให้ระบุในสัญญาจ้างว่าได้รับการอบรมด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับทราบนโยบายสิทธิมนุษยชนของ OR ครบ 100% ครอบคลุมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่จ้างโดยผู้รับเหมา นอกจากนี้ OR มีการสื่อสารข้อกำหนดด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่ผู้ค้าของ OR และมีการลงนามรับทราบใน แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า (PTTOR Suppliers Sustainable Code of Conduct)
# | Document Name | File (Attach or Link) |
1 | นโยบายสิทธิมนุษยชน | https://orapiweb.pttor.com/uploads/documents/20210428_230112_6385.pdf |
2 | รายงานการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน | https://orapiweb.pttor.com/uploads/documents/20230713_002714_1379.pdf |