สังคมและชุมชนจัดเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจขององค์กร โดยผลกระทบเป็นได้ทั้ง การได้ประโยชน์ร่วมกัน และอีกในแง่มุมหนึ่ง การดำเนินธุรกิจอาจส่งผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในชุมชนได้อีกด้วย
วิสัยทัศน์ของ OR คือ “Empowering All Toward Inclusive Growth : OR เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน”โดย OR ตระหนักถึงความสำคัญของสังคมและชุมชนซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีความสำคัญ ความมุ่งมั่นนี้เป็นหนึ่งในเสาหลักที่มีความสำคัญต่อกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ OR ภายใต้แนวทาง “S – Small” คือการสร้างโอกาสให้กับคนตัวเล็ก ผ่านการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนเพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถของการแข่งขันในสภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่มีความท้าทาย
OR ได้กำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานขององค์กร (Corporate KPI) ที่วัดผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาสังคมและชุมชนอย่างมีส่วนร่วม เพื่อเป็นการผลักดันให้เกิดการดำเนินการด้านการพัฒนาสังคมและชุมชนอย่างมีส่วนร่วมเป็นรูปธรรมและโดยมีประสิทธิภาพ ซึ่งผนวกอยู่ในตัวชี้วัดของผลการดำเนินงานผู้บริหาร (Executive KPI) โดยมีรายละเอียดตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
อ่านกลยุทธ์พัฒนาสังคมและชุมชนเพิ่มเติมในบท ‘การพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างมีส่วนร่วม’
การร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับการดำเนินธุรกิจของ OR เป็นอุดมการณ์ที่บริษัทยืดถือเป็นแนวทางปฏิบัติมาโดยตลอด เนื่องจากรูปแบบการดำเนินงานทางธุรกิจของ OR ที่มีความใกล้ชิดกับสังคมและชุมชน ดังนั้น OR จึงให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีและการมีส่วนร่วมกับชุมชนในการพัฒนาสังคมและชุมชนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานที่สอดรับกับวิสัยทัศน์ของ OR ในการเป็นบริษัทไทยชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้แข็งแกร่งต่อการเป็นรากฐานเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนการสร้างคุณค่าร่วมให้เกิดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล
OR ขับเคลื่อนการดำเนินโครงการเพื่อสังคม จากแนวทางแบบ CSR สู่แนวทาง CSV โดยบูรณาการประเด็นด้านการพัฒนาสังคมและชุมชนเข้าสู่วิสัยทัศน์และกลยุทธ์องค์กร เพื่อสร้างสรรค์โครงการที่ส่งผลกระทบทางบวกแก่สังคมและธุรกิจพร้อม ๆ กัน เช่น โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน โครงการ Together รักษ์ แอท หนองกุง โครงการ Café Amazon for Chance และโครงการไทยเด็ด โดยมุ่งเน้นบรรลุเป้าหมายตาม OR SDG ทั้งนี้ OR วางระบบในการสำรวจความคิดเห็นและความคาดหวังของชุมชนและสังคม ออกแบบโครงการโดยเน้นความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และชุมชน และใช้ทรัพยากรของบริษัทฯ เช่น ทรัพยากรทางการเงิน หรือความเชี่ยวชาญของพนักงาน อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางสังคมที่สูงที่สุด นอกจากนี้ ดำเนินการวัดผลเป็นรูปธรรมเพื่อประเมินแนวทางการดำเนินงานที่ดีและควรขยายต่อ รวมถึงข้อปรับปรุงที่ควรนำไปพัฒนาต่อไป
อ่านเพิ่มเติมในบท “การพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างมีส่วนร่วม” (Link: https://www.pttor.com/th/sustainability/sustainability_page/Community-Development-and-Social-Collaboration)
OR มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนโครงการเพื่อสังคมที่ตรงต่อปัญหาและความต้องการของผู้มีส่วนได้เสีย โดยดำเนินโครงการที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียได้มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม ซึ่งโครงการเพื่อสังคมที่มีความโดดเด่นที่ดำเนินการโดย OR ที่ถูกนำมาเป็นกรณีศึกษาในปี 2567 คือ โครงการ Together: รักษ์ แอทหนองกุง
การดำเนินงานของโครงการเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน คิดเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มชุมชนและสังคม ในพื้นที่ใกล้เคียงพื้นที่ปฏิบัติการคลังปิโตรเลียม จังหวัดขอนแก่น ซึ่งดำเนินกระบวนการโดยมุ่งเน้นการค้นหาปัญหาและความต้องการอย่างแท้จริงของชุมชน โดยพบว่าปัญหาขยะและน้ำเน่าเสียเป็นประเด็นสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อม ในด้านชีวิตความเป็นอยู่มีการประสบปัญหาด้านอัคคีภัย และในด้านเศรษฐกิจมีการว่างงาน และขาดรายได้เสริมเนื่องจากไม่มีการรวมกลุ่มสร้างและพัฒนาอาชีพเสริมในชุมชน ดังนั้นภาพรวมโครงการจึงได้ออกแบบจากเสียงของชุมชนผ่านการจัดทำกระบวนการมีส่วนร่วมกับชุมชนในการะบุประเภทของปัญหา เพื่อดำเนินการสนับสนุนทั้งการจัดการขยะ การสร้างอาชีพ และป้องกันอัคคีภัย เพื่อพัฒนาชุมชนหนองกุงให้เป็นชุมชนเข้มแข็ง นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดี สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยโครงการเป็นหนึ่งในกลไกสร้างการมีส่วนร่วมผ่านแนวคิดการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการจัดการขยะอย่างมีส่วนร่วม บูรณาการร่วมกับแนวคิดการสร้างอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างเสริมรายได้ให้กับชุมชนด้วยการสรรสร้างผลิตภัณฑ์จากขยะเพื่อเพิ่มมูลค่าตลอดจนการป้องกันอัคคีภัยผ่านการจัดตั้งคณะทำงานโครงการความปลอดภัยในชุมชน พร้อมติดตั้งถังดับเพลิงตามจุดต่าง ๆ ในชุมชน
จากผลการประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return On Investment: SROI) ของโครงการ Together: รักษ์ แอท หนองกุง ระหว่างปี 2563 – 2572 มีค่าเท่ากับ 1.77 ซึ่งหมายถึง OR ลงทุนทางสังคม 1 บาท สามารถสร้างผลตอบแทนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ 1.77 บาท หรือ 1.77 เท่าจากการลงทุน อีกทั้งก่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม โดยสามารถระบุผลผลิต (Outputs) ผลลัพธ์ (Outcomes) รวมถึง ผลกระทบ (Impacts) จากโครงการได้ในทั้งมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
ผลผลิต (Outputs) จากโครงการ Together รักษ์ แอท หนองกุง |
ผลลัพธ์ (Outcomes) |
ผลกระทบ (Impacts) |
---|---|---|
|
|
|
OR มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับพัฒนามาตรฐานการปลูกและการผลิตกาแฟของเกษตรกร พร้อมทั้งเป็นช่องทางรับซื้อผลผลิตอย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกร ที่ผ่านมา OR มีพื้นที่ดำเนินงานสำคัญในบ้านผาลั้งและบ้านปางขอน ตำบลห้วยชมภู จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการกว่า 166 ราย บนพื้นที่ปลูกกาแฟอะราบิกาประมาณ 2,600 ไร่ และพื้นที่บ้านสามสูง บ้านห้วยหมาก บ้านห้วยหยวก บ้านอาโต่ ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการกว่า 99 ราย บนพื้นที่ประมาณ 1,900 ไร่ และในปี 2567 OR ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขยายพื้นที่ส่งเสริมการปลูกกาแฟควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ พร้อมมอบโรงเพาะกล้า โรงตากกาแฟ และระบบท่อน้ำเพื่อส่งเสริมการปลูกกาแฟให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ อำเภอ.ปัว จังหวัด.น่าน และ อำเภอ.ท่าแซะ จังหวัดชุมพร จ.ชุมพร ทั้งยังมีโครงการความ ร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขยายผลพื้นที่โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนนำร่องใน อำเภอ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนโครงการความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ คทช. สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green (BCG) เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรที่ประกอบอาชีพผู้ผลิตกาแฟควบคู่กับการพัฒนาการแปรรูปเมล็ดกาแฟให้มีมาตรฐาน พร้อมทั้งเป็นตลาดรับซื้อผลผลิตกาแฟที่มีคุณภาพด้วยระบบราคาที่เป็นธรรม (Fair Trade) และมุ่งสู่การพัฒนาเป็นพื้นที่ต้นแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ OR ได้พัฒนาอุทยานคาเฟ่อเมซอน (Café Amazon Park) ในพื้นที่ ตำบลกล้วยแพะ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อแหล่งเรียนรู้ธุรกิจกาแฟแบบครบวงจรตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมทั้งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนากาแฟสายพันธุที่เหมาะสมีด้วยการนำเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ทันสมัยและแนวทางการเกษตรแบบผสมผสานมาประยุกต์ใช้ ทั้งการปลูกกาแฟแบบวนเกษตร (Agroforestry) การจัดการดิน การจัดการระบบน้ำ เพื่อให้ผลดีต่อความหลากหลายทางชีวภาพ สิ่งแวดล้อม และเป็นต้นแบบในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างมั่นคงยั่งยืน โดยจะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ นักศึกษา และผู้ที่สนใจ บนพื้นที่กว่า 300 ไร่
การจัดหาเมล็ดกาแฟจากชุมชนเป็นหนึ่งภารกิจสำคัญภายใต้การดำเนินงานโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เริ่มดำเนินโครงการเดือนกันยายน พ.ศ. 2557-ปัจจุบัน โดยเริ่มจากความร่วมมือ (MOU) กับมูลนิธิโครงการหลวงในการซื้อขายเมล็ดกาแฟกะลา และต่อยอดสู่ความร่วมมือกับบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จํากัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายอื่นในหลายๆ พื้นที่ นอกจากนั้นยังเพิ่มช่องทางการรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรรายย่อยโดยตรงผ่านจุดรับซื้อโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟคาเฟ่อเมซอน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยปัจจุบันได้พัฒนากระบวนการรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรด้วยระบบ Fair Trade ผ่าน Web Application Kala เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกษตรกร พื้นที่ปลูก ปริมาณกาแฟกะลาที่รับซื้อ และคุณภาพเมล็ดกาแฟของพื้นที่ สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับในการซื้อขายได้ง่ายและถูกต้อง ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการพัฒนาความรู้ที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาในการผลิตจริงตั้งแต่กระบวนการปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยวผลผลิต และการแปรรูปผลผลิตกาแฟเพื่อมู่งสู่ Cafe Amazon Standard
นอกจาก OR ได้มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ Net Zero ในปี 2030 ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ จึงได้ทดลองต้นแบบการขนส่งเมล็ดกาแฟดิบด้วยพลังงานสะอาด (EV Truck) จากโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟคาเฟ่อเมซอน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ สู่ศูนย์ธุรกิจคาเฟ่อเมซอน อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย
ประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย:
ประโยชน์ต่อบริษัท:
นอกจากการเสริมสร้างศักยภาพในการปลูกและขายกาแฟให้แก่เกษตรกรท้องถิ่นแล้ว โครงการนี้ยังมีส่วนสำคัญในการเพิ่มทางเลือกจัดหาวัตถุดิบเมล็ดกาแฟในการประกอบธุรกิจ Café Amazon ของ OR อีกด้วย ซึ่งการจัดหาเมล็ดกาแฟอย่างยั่งยืนจากชุมชนทำให้โรงคั่วมีวัตถุดิบในการผลิตที่มีคุณภาพ สามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทำให้ห่วงโซ่การผลิตมีความยั่งยืนจากการจัดหาวัตถุดิบที่มีความยั่งยืน และยังมีส่วนช่วยให้องค์กรเข้มแข็งจากการลดความเสี่ยงของผลกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการผลิตกาแฟในระยะยาว
“โครงการไทยเด็ด” เริ่มดำเนินงานเมื่อปลายปี 2561 จากความร่วมมือระหว่างบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ และพันธมิตรหน่วยงานภาครัฐที่มีเจตนารมณ์ในการสนับสนุนและผลักดันสินค้าชุมชนให้มีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยโออาร์ได้นำจุดแข็งของการมีสถานีบริการ PTT Station และร้าน Café Amazon ที่เปิดให้บริการอยู่ทั่วประเทศ นำมาเป็นช่องทางการจำหน่ายเพื่อให้สินค้าชุมชนมีโอกาสได้เข้าถึงตลาดและผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันการดำเนินโครงการนี้ยังสนับสนุนเป้าหมายในเชิงธุรกิจของ OR ในการเสริมสร้างแบรนด์สถานีบริการ PTT Station และ Café Amazon และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า จึงเป็นโครงการที่ตอบโจทย์เป้าหมายเชิงธุรกิจพร้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น
ผลดำเนินงานในภาพรวม มีจำนวนผู้ประกอบการชุมชน (วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น) จำนวน 450 ราย มีสินค้าไทยเด็ด จำนวน 1,034 รายการ มีเครือข่ายร้านไทยเด็ดทั้งภายใน PTT Station และร้าน Café Amazon รวม 424 แห่ง โดยโครงการฯ สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการชุมชนมูลค่าสูงถึง 166.07 ล้านบาท นอกจากนี้ในปี 2567 โครงการไทยเด็ดยังมีการดำเนินงานเพื่อพัฒนาปรับปรุงตัวชี้วัดจากการเปิดหมวดสินค้ารักษ์โลกในปี 2567 โดยการรวบรวมสินค้าชุมชนที่มีการใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และรวบรวมสินค้าที่มีการปรับปรุงค่าการใช้พลังงานซึ่งได้รับตราสัญลักษณ์ “ผลิตภัณฑ์ชุมชนลดใช้พลังงาน” จากกระทรวงพลังงาน
ปัจจุบันโครงการไทยเด็ด มีสินค้าหมวดรักษ์โลก จำนวนทั้งสิ้น 72 รายการ ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงโครงการเพื่อตอบสนองต่อข้อเสนอจากการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางสังคม หรือ SROI ของโครงการในปี 2566 จากการสร้างผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับสังคมชุมชน
ผลลัพธ์ (Outcome) |
ผลลัพธ์และประโยชน์ของโครงการ |
---|---|
|
|
Café Amazon มีนโยบายที่จะพัฒนาสังคม ชุมชน ให้เป็นสังคมแห่งการเกื้อกูล โดยสร้างโอกาสด้านอาชีพให้แก่ผู้ที่ขาดโอกาสทางสังคมได้เป็นพนักงานภายในร้านฯ ผ่านโครงการ “Café Amazon for Chance” ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 360 สาขา แบ่งเป็นร้าน COCO จำนวน 289 สาขา และร้านแฟรนไชส์ จำนวน 71 สาขา จำนวนผู้ขาดโอกาส ทั้งหมด 347 อัตรา แบ่งเป็นผู้สูงอายุ 312 อัตรา, ผู้พิการทางการได้ยิน 22 อัตรา, ผู้พิการด้านสติปัญญา 1 อัตรา, ทหารผู้พิการและครอบครัว 4 อัตรา, ผู้พิการทางด้านร่างกาย 6 อัตรา และ เยาวชนผู้ขาดโอกาส 2 อัตรา
ในปี 2567 โครงการ Café Amazon for Chance ได้จัดทำแผนการอบรมวิชาชีพให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุทั่วไป เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งประสานความร่วมมือกับโครงการไทยเด็ด และกรมกิจการผู้สูงอายุกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยเป็นการจัดอบรมสอนทำวัสดุตกแต่งกระเป๋าจากวิสาหกิจชุมชน (Montmaxx) จังหวัดสมุทรปราการ (ซึ่งเป็นหนึ่งในวิสาหกิจชุมชนในโครงการไทยเด็ด) เมื่อหลังจากจบการอบรมแล้วผู้สูงอายุสามารถทำวัสดุตกแต่งกระเป๋าเองได้และนำมาส่งขายที่วิสาหกิจชุมชนดังกล่าวเพื่อนำมาวางจำหน่ายที่ร้าน Cafe’ Amazon ต่อไป
โดยถือเป็นการต่อยอดผลการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางสังคม หรือ SROI ของโครงการ Café Amazon for Chance ที่ได้จัดทำไว้ในปี 2565 เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานตามคำแนะนำที่ได้รับจากผลการศึกษา โดยได้ดำเนินการวิเคราะห์แนวทางในการปรับปรุงโครงการเพื่อให้ผู้สูงอายุมีงานทำ มีรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีตัวชี้วัดคือจำนวนผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมและสามารถนำความรู้ไปทำวัสดุตกแต่งกระเป๋าเพื่อต่อยอดการสร้างรายได้เสริม รวมถึงการขยายโอกาสในการเข้าร่วมอบรมสร้างอาชีพด้วยการรับผู้ขาดโอกาสประเภทอื่น ๆ เข้าอบรม
ผลลัพธ์ (Outcome) |
ผลลัพธ์และประโยชน์ของโครงการ |
---|---|
|
|
OR คว้า 4 รางวัลเกียรติยศมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ (CSR–DIW) ประจำปี 2567
OR คว้ารางวัลเกียรติยศมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ ประจำปี 2567 จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (Corporate Social Responsibility, Department of Industrial Works: CSR-DIW) หรือรางวัล CSR-DIW Award 2024 ใน 4 สถานประกอบการของ Café Amazon ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ OASYS อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ 1. ศูนย์กระจายสินค้าธุรกิจค้าปลีก 2. โรงคั่วกาแฟ Café Amazon 3. โรงงานผลิตผงผสม และ 4. โรงงานผลิตเบเกอรี่ โดยได้รับเกียรติจากนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้มอบ โล่รางวัล ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
รางวัล CSR-DIW Award เป็นรางวัลที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม มอบให้กับ สถานประกอบการที่มีการนำมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการไปประยุกต์ใช้ ครอบคลุมแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ การกำกับดูแลองค์กร สิทธิมนุษยชน การปฏิบัติด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม การดำเนินงานอย่างเป็นธรรม ประเด็นด้านผู้บริโภค และการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน จนก่อให้เกิด การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและจัดการสิ่งแวดล้อมของเมืองอย่างยั่งยืน ซึ่ง OR ได้ส่ง 4 สถานประกอบการนำร่องเข้าร่วมประกวดเป็นครั้งแรกและได้รับรางวัลทั้ง 4 สถานประกอบกา
โครงการ Café Amazon for Chance ได้รับรางวัลในพิธียกย่องเชิดชูบุคคลและองค์กรที่ทำคุณประโยชน์เพื่อสังคม
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 OR ได้รับรางวัลจากคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติ สร้างขวัญและกำลังใจให้กับองค์กรที่ทำคุณประโยชน์เพื่อสังคมซึ่งเป็นต้นแบบขององค์กรที่ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริม สนับสนุนและสร้างคุณค่าให้กับคนพิการ จากโครงการ Café Amazon for Chance